วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วิธีเล่น Texas Holdem bonus progressive หรือ วิธีเล่น Poker ครับ



เท็กซัสโฮลด์เอมโบนัสโปรเกรสซีฟจะเล่นไพ่ 1 สำรับโดยไม่มีไพ่โจ๊กเกอร์รวมด้วย ในเกมส์จะมีตำแหน่งเดียวที่ขึ้นคือสำหรับผู้เล่น โดยผู้เล่นทุกคนจะเล่นหรือสู้กับเจ้า ไม่ใช่กับผู้เล่นคนอื่น

เกมส์ไพ่โป๊กเกอร์นี้จุดประสงค์ของการเล่นเกมส์คือสามารถเรียงไพ่ 5 ใบให้ได้ดีที่สุดโดยการรวมจากไพ่ 2 ใบที่อยู่ในมือของผู้เล่น/เจ้าและอีก 5 ใบที่เปิดขึ้นมา

การเล่นเกมส์

เดิมพันครั้งแรก
เริ่มต้นผู้เล่นวางเงินเดิมพันที่ “Ante” ก่อนเพื่อที่ได้รับการแจกไพ่ 2 ใบในมือของผู้เล่น(ไพ่ที่ถือ)
ในเวลาเดียวกัน ผู้เล่นจะเจอตัวเลือกด้านข้าง คือ “โบนัส” ที่สามารถวางเดิมพันได้ โดยจะขึ้นให้วางต่อเมื่อผู้เล่นวางที่ “Ante ในรอบเกมส์นั้น” ในการวางเดิมพันพิเศษนี้จะดูจากไพ่ 2 ใบของผู้เล่นที่รับ(อัตราการจ่ายของโบนัสจะเป็นไปตามตาราง)และจะไม่มีผลต่อผู้เล่นหรือเจ้าในการเรียงไพ่ตามอันดับของโป๊กเกอร์
ผู้เล่นยังสามารถเลือกวางเดิมพันที่ "โปรเกรสซีฟ" โดยจะขึ้นให้วางต่อเมื่อผู้เล่นวางที่ "Ante" ในรอบเกมส์นั้น
หลังจากได้รับไพ่และตรวจสอบไพ่ทั้ง 2 ใบทีได้รับการแจกมา(Hole cards)ผู้เล่นอาจจะตัดสินได้ดังนี้ :
“หมอบ(Fold)” ซึ่งผู้เล่นจะเสียเงินที่เดิมพันที่วางเดิมพัน ”Ante” และที่วางใน “โบนัส” ถ้าผู้เล่นตัดสินใจที่จะหมอบ ไพ่ที่ได้รับแจกมา 2 ใบจะไม่มีผลในเกมส์อีกต่อไป และจะไม่มีได้รับการจ่ายเงินใดๆ
ถ้าผู้เล่นเลือก "หมอบ" ที่วางเดิมพันโปรเกรสซีฟจะไม่มีผลในการจ่ายของตาราง P1 และ P2 แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีผลในการจ่ายของตาราง P3
“ฟล็อบ(Flop)”ซึ่งผู้เล่นจะต้องวางเดิมพันในจำนวนสองเท่าของเงินที่วางเดิมพัน”Ante” ในช่องที่แสดงว่า “(Flop)”บนโต๊ะ
ฟล็อบ(Flop)
ช่วงนี้ดีลเลอร์จะเปิดไพ่ขึ้นมา 3 ใบ(ไพ่ฟล็อบ)
ผู้เล่นอาจจะเลือกที่จะเล่นเดิมพันต่อไปในจำนวนเงินที่เท่ากับวางเดิมพัน”Ante” ดังนั้นเงินเดิมพันจะเพิ่มขึ้น
หรือผู้เล่นอาจจะเลือก “ผ่าน(Check)” ซึ่งจะไม่มีการเพิ่มเงินเดิมพัน
เทิร์น(Turn)
ช่วงนี้ดีลเลอร์จะเปิดไพ่ใบที่ 4 เรียงตามอันดับ (ไพ่เทิร์น)
อีกครั้งที่ อาจจะเลือกที่จะเล่นเดิมพันต่อไปในจำนวนเงินที่เท่ากับวางเดิมพัน”Ante”หรือผู้เล่นอาจจะเลือก “ผ่าน(Check)”
ริเวอร์(River)
ช่วงนี้ดีลเลอร์จะเปิดไพ่ใบที่ 5 (ไพ่ริเวอร์) และไม่อนุญาตให้เดิมพันเพิ่มเติม
การสรุปเกมส์
เจ้าจะได้รับการแจกไพ่ในมือเช่นกันและสู้กับไพ่ในมือผู้เล่น ผู้ที่ชนะคือทำให้ในมือมีไพ่ดีที่สุด 5 ใบเป็นมือโป๊กเกอร์ (poker hand) จากไพ่ทั้งหมดซึ่งเป็นไพ่รวมกันของไพ่ที่เปิดมา 5 ใบและไพ่ที่ถืออยู่บนมือ
ถ้าในมือผู้เล่นมีไพ่ดีที่สุดมากกว่าในมือเจ้า ผู้เล่นจะชนะที่วางเดิมพัน ฟล็อบ(Flop) เทิร์น(Turn) ริเวอร์(River) ตาม ที่ระบุในตารางการจ่ายเงินชนะเดิมพัน ข้างล่างนี้
ถ้าในมือผู้เล่นชนะใน สเตรจ(Straight)หรือดีกว่า ผู้เล่นจะชนะที่วางเดิมพันใน “Ante” ด้วย ถ้าในมือผู้เล่นชนะแต่ต่ำว่าสเตรจ(Straight)เงินวางเดิมพันใน“Ante”ยังคงรอดูผลต่อไปก่อน
ในมือผู้เล่นได้อันดับต่ำกว่าเจ้า ผู้เล่นจะเสียเงินเดิมพันทั้งหมด“Ante”ฟล็อบ(Flop) เทิร์น(Turn) และ ริเวอร์(River)อย่างไรก็ตามผู้เล่นสามารถเสียเงินตามเกมส์ที่ออกมา และยังคงจ่ายเงินปกติในการวางเดิมพันที่ "โบนัส" และ "โปรเกรสซีฟ"
ในมือผู้เล่นเรียงไพ่ได้อันดับเท่ากับมือของเจ้า จะสรุปไม่มีมือไหนชนะ

มือโป๊กเกอร์ (Poker Hands)
อันดับการเรียงไพ่จากมือที่สูงสุดไปต่ำที่สุดจะเป็นดังนี้:

รอยัล ฟลัช เป็นไพ่ ที่ประกอบไปด้วย A K Q J และ 10 ที่เป็นดอกสีเดียวกัน เช่น A♦, K♦, Q♦, J♦, 10♦
เสรต ฟลัช เป็นไพ่ ชุดที่มี 5 ใบเรียงกัน และเป็นดอกสีเดียวกัน นอกเหนือจาก รอยัล ฟลัช เช่น J♣, 10♣, 9♣, 8♣, 7♣
ระหว่างชุด เสรต ฟลัช 2 ชุด ชุดใดที่มีไพ่แต้มมากสุด จะเป็นฝ่ายชนะ
เอซ สามารถนับเป็นแต้มต่ำ ได้เช่น heart5-heart4-heart3-heart2-heartA นับเป็น เสรต ฟลัช แต่ว่าไพ่ตัวสูงสุด จะเป็น 5 ไม่ใช่ เอซ เพราะเอซ เป็นแต้มต่ำสุดของ เสรต ฟลัชชุดนี้
ไพ่ เรียงไม่สามารถเปลี่ยนมุม ได้ ดังตัวอย่าง : diamond4-diamond3-diamond2-diamondA-diamondK ไม่นับเป็นไพ่เสรต.
ไพ่สี่ใบ เป็นชุดไพ่ที่จะมี ไพ่4ใบที่มีแต้มเท่ากัน เช่น A♣, A♥, A♦, A♠, J♥
ระหว่าง ไพ่ 4ใบ 2 ชุด นั้น หากชุดใดมีแต้มของเซ็ทไพ่ สูงกว่า ก็จะเป็นฝ่ายชนะ เช่น 3-3-3-3-A จะแพ้ 4-4-4-4-2.
ถ้าผู้เล่น 2 คน หรือมากกว่านั้น มีชุดไพ่ 4ใบ เหมือนกัน การใช้แต้มเป็นตัวเตะ จะนำมาใช้ตัดสิน
ฟูลเฮาส์ เป็นไพ่ที่ประกอบไปด้วย ไพ่ตอง กับ ไพ่คู่ รวมกัน K♣, K♥, K♦, A♠, A♥
เมื่อมีการเปรียบเทียบไพ่ ฟูลเฮาส์ แต้มของไพ่ตอง จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะชนะ ยกตัวอย่างเช่น 9-9-9-4-4 beats 8-8-8-A-A.
ถ้าหากว่า แต้มของไพ่ตองเท่ากัน ดังนั้น แต้มของไพ่คู่ จะนำมาใช้ตัดสินแทน
ฟลัช เป็นชุดไพ่ ที่ประกอบไปด้วยไพ่ 5 ใบที่มีดอกเป็นสีเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเรียง ยกตัวอย่าง J♥, 8♥, 6♥, 5♥, 2♥
เมื่อมีการเปรียบเทียบไพ่ฟลัช 2 ชุด ไพ่ที่มีแต้มสูงกว่า จะเป็นฝ่ายชนะ ถ้าหากว่าไพ่แต้มสูงมีค่าเท่ากัน ไพ่ที่มีแต้มสูงรองลงมาจะเป็นฝ่ายนำมาใช้ แล้วหากว่ายังเท่ากันอีก ก็จะใช้ ไพ่แต้มสูง อันดับ 3 ตัดสินแทน
เสรต เป็นไพ่ชุดที่ ประกอบไปด้วย ไพ่แต้มเรียงกัน 5ใบ แต่ไม่จำเป็นต้องสีดอกเดียวกัน และ เอซ เป็นได้ทั้งแต้มสูง และต่ำ ดังตัวอย่าง 9♣, 8♦, 7♣, 6♥, 5♠
เมื่อเปรียบเทียบไพ่ 2 ชุด ไพ่ชุดที่เรียงแล้วมีแต้มไพ่บนสุดมีค่ามากสุดจะเป็นฝ่ายชนะ
เอซ สามารถนับเป็นแต้มสูงสุดและ ต่ำสุดในไพ่ เสรต แต่ไม่ใช่ทั้งคู่ ใช้ได้แค่ฝั่งเดียว ดังตัวอย่าง A-K-Q-J-10 และ 5-4-3-2-A ถือว่าถูกต้อง แต่ 2-A-K-Q-J ไม่ถูกต้อง
5-4-3-2-A, รู้จักในนาม วงล้อ และเป็นแต้มต่ำสุดของ เสรต ที่มีไพ่บนสุดเป็น 5
ไพ่ตอง เป็นชุดไพ่ ที่มี ไพ่แต้มเท่ากัน 3 ใบ เช่น 10♠, 10♥, 10♣, 6♥, 3♦
เมื่อเปรียบเทียบ ชุดไพ่ตอง 2 ชุดนั้น จะใช้แต้มของไพ่ตองเป็นตัวตัดสิน ว่าตองอะไร แต้มสูงกว่ากัน
ถ้ามีชุดไพ่ตอง แต้มเท่ากัน ดังนั้น ไพ่สองใบที่เหลือที่มีแต้มมากสุด จะนำมาใช้เปรียบเทียบ และหากยังไม่ไพ่แต้มเท่ากันอยู่ไพ่ใบสุดท้าย จะเป็นตัวตัดสิน ยกตัวอย่าง 5-5-5-3-2 ชนะ 4-4-4-K-5, เหมือนกับ 4-4-4-Q-9, ก็ชนะ 4-4-4-Q-8
ไพ่ 2 คู่ จะประกอบไปด้วยไพ่คู่ 2 ชุด เช่น Q♠, Q♥, 6♣, 6♥, 3♦
เมื่อเปรียบเทียบ ไพ่ ไพ่มือที่มีแต้มไพ่คู่สูงสุด จะชนะ โดยไม่คำนึงถึงลำดับของไพ่อื่นๆ ดังนั้น J-J-2-2-4 จะชนะ 10-10-9-9-8 เพราะว่า แจ็ค มากกว่า สิบ
ถ้าหากไพ่คู่ แต้มสูงสุด เท่ากัน จากนั้นจะมา คู่ชุดที่2 เป็นตัวตัดสิน เช่น 8-8-6-6-3 ชนะ 8-8-5-5-K
ท้ายที่สุด ถ้าไพ่คู่ ทั้ง 2 คู่ มีแต้มเท่ากัน แล้ว ไพ่ใบสุดท้ายจะเป็นตัวตัดสิน ดังตัวอย่าง Q-Q-5-5-8 ชนะ Q-Q-5-5-4
ไพ่ 1คู่ เป็นชุดไพ่ที่ประกอบไปด้วยไพ่คู่ 1 คู่ แต้มเหมือนกัน เช่น A♣, A♥, 8♦,6♥, 5♠
เมื่อเปรียบเทียบไพ่คู่ในมือ แล้ว มือที่มีไพ่คู่แต้มสูงกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ ดังตัวอย่าง 6-6-4-3-2 ชนะ 5-5-A-K-Q.
ถ้าหากว่าไพ่คู่ มีแต้มเท่ากัน จะเทียบกับไพ่ที่แต้มสูงที่เหลือ ของแต่ล่ะมือ ถ้าหากว่ายังแต้มเท่ากันอยู่ ก็จะคิดในไพ่ที่มีแต้มรองลงมา และสุดท้าย ถ้ายังมีไพ่แต้มเท่ากันอีก ไพ่ที่เหลือในสุดท้ายจะเป็นตัวใช้เปรียบเทียบ J-J-A-9-3 ชนะ J-J-A-8-7 เพราะว่า 9 แต้มมากกว่า 8
ไม่มีอะไร
ไพ่ 5ใบ ที่ไม่มีชุดอะไรในมือเลย ดังตัวอย่าง Q♣, 10♥, 6♦, 5♠, 2♥. ไพ่ชุดนี้จะเป็น ว่า ไพ่แต้มสูง และบางครั้งไม่มีคู่ ไพ่จะต้องมีแต้มต่างกันและไม่เรียงกัน และ มีหน้าไพ่หรือดอกสี อย่างน้อย 2 ชุดขึ้นไป.
เมื่อเปรียบเทียบทั้ง 2ชุดแล้ว ชุดที่มีไพ่แต้มสูงสุดจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า และชนะ ถ้าหากว่าไพ่แต้มสูงสุดมีค่าเท่ากัน ไพ่สูงอันดับ 2 ก็จะนำมาคิดแทน และถ้ายังมีค่าเท่ากันอีกก็จะใช้ ไพ่แต้มลำดับ สาม มาตัดสิน แบบนี้ไปเรื่อยๆ ดังตัวอย่าง A-J-9-5-3 ชนะ A-10-9-6-4 เพราะ แจ็ค แต้มมากกว่า สิบ

อัตราการจ่าย
เดิมพันชนะ จ่าย
Flop wins 1 ต่อ 1
Turn wins 1 ต่อ 1
River wins 1 ต่อ 1
Ante wins (Straight or better) 1 ต่อ 1

เดิมพันโบนัส (ไพ่ที่เพล์เยอร์ถือ) จ่าย
A-A ในมือของเพล์เยอร์ และ ดีลเลอร์ 1000 ต่อ 1
A-A ในมือเพล์เยอร์ เท่านั้น 30 ต่อ 1
A-K (สีเดียวกัน) 25 ต่อ 1
A-Q or A-J (สีเดียวกัน) 20 ต่อ 1
A-K (คนละดอก) 15 ต่อ 1
K-K, Q-Q or J-J (คู่สูง) 10 ต่อ 1
A-Q or A-J (คนละดอก) 5 ต่อ 1
10-10 จนถึง 2-2 (คู่ต่ำ) 3 ต่อ 1

ตาราง P1: เดิมพันชนะโปรเกรสซีฟ จ่าย
Royal Flush ใน Flop (หลังจากไพ่ 5 ใบ) 90%
Royal Flush ใน Turn (หลังจากไพ่ 6 ใบ) 25%
Royal Flush ใน River (หลังจากไพ่ 7 ใบ)
* (ต้องรวมไพ่ในมืออย่างน้อย 1 ใบ) 5%
ตาราง P2: อัตราการจ่ายโปรเกรสซีฟแบบคงที่ (ดีที่สุดในไพ่ 7 ใบใดๆ) จ่าย
Straight Flush USD 600
Four of a Kind USD 120
ตาราง P3: อัตราการจ่ายโปรเกรสซีฟแบบการรวมไพ่(การรวมไพ่ที่ดีที่สุดในมือผู้เล่นตามที่กำหนดจากไพ่ 5 ใบที่ออกมา) จ่าย

รวมไพ่ออกมาเป็น Royal Flush
USD 4,000
รวมไพ่ออกมาเป็น Straight Flush USD 600
รวมไพ่ออกมาเป็น Four of a Kind USD 120

หมายเหตุ:

อัตราการจ่ายโปรเกรสซีฟทั้งหมดตามตารางด้านบนจะพิเศษเฉพาะวางเดิมพันในโปรเกรสซีฟ
อัตราการจ่ายเงินทั้งหมดอาจจะถูกปัดเศษเนื่องจากการแปลงค่าของสกุลเงิน
รวมไพ่ในกลุ่มโปรเกรสซีฟ (ตาราง P3) จะมีขึ้นเมื่อรวมไพ่ที่ดีที่สุดในมือผู้เล่นตามที่กำหนดจากไพ่ 5 ใบที่ออกมา, ไม่มีไพ่ที่ผู้เล่นถือมาใช้ในการรวมไพ่
การจ่ายเงินแบบคงที่ (ตาราง P2 และ P3) จะถูกแปลงเป็นสกุลเงินตามลำดับขึ้นอยู่กับตารางตัวคูณด้านล่าง
ไม่คาบเกี่ยวกันหรือไม่มีการจ่าย 2 ต่อสำหรับไพ่ในมือที่เป็น Straight Flush และ Four of a Kind หากพบว่าชนะทั้ง 2 แบบตามกฏในตาราง P2 และ P3

ข้อตกลงและเงื่อนไข

การเปิดไพ่
การเปิดไพ่ใด ๆ ในเกม (เบิร์นการ์ดน้อยลง) ในระหว่างการเดิมพันจะมีผลเป็นโมฆะในมือนั้น
ขั้นตอนที่เหมาะสมจะถูกนำมาใช้สำหรับไพ่ที่ถูกเปิดในระหว่างการสับไพ่ ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของสับไพ่และหมายเลขของไพ่ที่ถูกเปิด
การเปิดไพ่ที่ไม่จำเป็น (การเปิดไพ่)
การเปิดไพ่ที่ไม่จำเป็น ใด ๆ ที่ไม่จำเป็นหลังจากที่เกมส์เริ่มจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลที่ออก
ไพ่ที่หล่น
ไพ่ที่หล่นและไม่ได้อยู่ในกล้องระหว่างการสับ, การเบิร์น จะนำกลับมาใช้ใหม่
ไพ่ที่หล่นและไม่ได้อยู่ในกล้องระหว่างการแจกไพ่จะนำกลับมาใช้ใหม่เฉพาะในกรณีที่มันถูกเปิดก่อนที่จะมองเห็น หรือมิฉะนั้นมือนั้นๆจะเป็นโมฆะและสำรับไพ่กลับมาใช้ปกติ
การแจกไพ่ผิดหรือผิดตำแหน่ง
จะเริ่มแจกไพ่ที่ถูกต้องใหม่ถ้าข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในจุดที่ก่อนแจกไพ่อื่นจากจุดที่ผิดพลาด
ขอสงวนสิทธิที่จะถือเป็นโมฆะในมือที่ผิดพลาด
ไพ่ติดในเครื่องสับไพ่
ในสถานการณ์ที่ไพ่ใด ๆ ติดอยู่ในเครื่องสับไพ่ขอสงวนสิทธิที่จะถือเป็นโมฆะ
วางเดิมพันที่"โบนัส"จะยังคงอยู่ถ้าไพ่ติดหลังจากผู้เล่นได้รับการแจกไพ่สองใบในมือแล้ว และจะจ่ายเงินตามอัตราการจ่ายปกติ
ขาดการเชื่อมต่อ หรือ ไม่มีการเลือกใดๆ (หมอบ/วางเดิมพัน/ผ่าน)
ในกรณีของขาดการเชื่อมต่อหรือ ไม่มีเลือกใดๆ ก่อนไพ่ฟล็อบถูกเปิด จะถือว่าเป็นการหมอบโดยอัตโนมัติ
ในการสถานการณ์ขาดการเชื่อมต่อหรือ ไม่มีเลือกใดๆ หลังจากไพ่ฟล็อบเปิด จะถือว่าเป็นการผ่านโดยอัตโนมัติ
โปรเกรสซีฟ
เงินชนะโปรเกรสซีฟภายใต้ตาราง P3 จะหารกันตามจำนวนผู้เล่นที่วางเดิมพันในโปรเกรสซีฟที่ชนะในมือนั้น จำนวนผู้เล่นทั้งหมดที่วางเดิมพันโปรเกรสซีฟในแต่ละมือจะส่งผลในมาตราโปรเกรสซีฟ ฐานะ "ผู้เข้าร่วม"
ยกตัวอย่าง:
จำนวนผู้เล่นทั้งหมดที่เดิมพันในโปรเกรสซีฟ = 5
ถ้าผลคือกลุ่มไพ่ใน รอยัล ฟลัช ,ชนะในแต่ละมือ = USD 4,000/ 5 = USD 800 (โดยไม่คำนึงถึงผู้เล่นใดๆที่มีการหมอบในก่อนหน้านี้)
เงินชนะโปรเกรสซีฟภายใต้ตาราง P1 และ P2 จะถูกหารตามจำนวนผู้เล่นที่วางเดิมพันในโปรเกรสซีฟและนอกเหนือจากนั้น จะต้องมีวางเดิมพันที่ FLOP ด้วย
ยกตัวอย่าง:
เงินโปรเกรสซีฟกองกลางทั้งหมด = = USD 40,000
จำนวนผู้เล่นทั้งหมดที่เดิมพันในโปรเกรสซีฟ = 5 และ มีเพียงแค่ 4 ผู้เล่นที่วางเดิมไว้ที่FLOP
ถ้าผลคือ รอยัล ฟลัช หลังจากไพ่ 6 ใบ , ชนะในแต่ละมือ = USD 40,000 * 25% / 4 = USD 2,500
ถ้าผลคือ เสรต ฟลัช (ตาราง P2), อัตราจ่ายคงที่จาก USD 600 จะถูกหารตามจำนวนและในแต่ละมือจะได้รับ = USD 600 / 4 = USD 150
โปรเกรสซีฟทั้งหมดที่จ่ายออกจะถูกหักออกจากเงินกองกลางตามนั้น
จำนวนวางเดิมพันโปรเกรสซีฟจะขึ้นด้านหน้าและการจ่ายเงินจะดำเนินการต่อมาเมื่อออกผลสรุป
ภายใต้เงื่อนไขโดยชอบธรรมเมื่อการจ่ายโปรเกรสซีฟแบบคงที่มากกว่าจำนวนเงินกองกลาง,100% ของเงินกองกลางจะถูกแบ่งตามจำนวนผู้เล่นที่ชนะ
การเดิมพันโปรเกรสซีฟทั้งหมดที่วางไว้หรือการจ่ายเงินชนะ จะขึ้นอยู่กับสกุลเงินของบัญชีผู้เล่นโดยใช้ตัวคูณที่คงที่
สกุลเงิน จำนวนเดิมพันโปรเกรสซีฟ ตัวคูณข้ามสกุลเงิน (ใช้ USD เป็นฐาน)
RMB RMB 5 5
EUR/AUD/USD EUR/AUD/USD 1 1
MYR MYR 2 2
THB THB 25 25
JPY JPY 100 100
IDR (‘000) IDR 10 10
VND (‘000) VND 20 20
KRW KRW 1,000 1,000
INR INR 40 40
จำนวนเงินกองกลางโปรเกรสซีฟส่งผลต่อการวัดโปรเกรสซีฟในอินเตอร์เฟสเกมส์ (ตามสกุลเงินของสมาชิกแต่ละบุคคล)ขึ้นอยู่กับอัตราการแปลงตัวคูณ
ยกตัวอย่าง:
จำนวนผู้เล่นทั้งหมดที่เดิมพันในโปรเกรสซีฟ = 2 (ผู้เล่น 1 USD, ผู้เล่น 2 RMB)
ถ้าผลคือกลุ่มไพ่ เสรต ฟลัช ผู้เล่น 1 จะได้รับอัตราการจ่ายคงที่ USD 600/2 = USD 300
ผู้เล่น 2 จะได้รับ RMB (600*5)/2 = RMB1,500
95% ของแต่ละการวางเดิมพันโปรเกรสซีฟจะถูกจัดเข้าไปในกองกลาง
ขอสงวนสิทธิในการดำเนินการจัดการใดๆที่จะแก้ไข ในการแสดงจำนวนเงินโปรเกรสซีฟกองกลางที่ผิดพลาดเนื่องจากข้อผิดพลาดในระบบ
ขอสงวนสิทธิในการดำเนินการจัดการใดๆที่จะโมฆะในมือที่ผิดพลาดใดๆ.

คำศัพท์โป๊กเกอร์
Ante เงินวางเดิมพันครั้งแรกที่ผู้เล่นวางเพื่อที่จะได้รับการแจกไพ่

โบนัส เดิมพันหรือตัวเลือกเดิมพัน (วางเดิมพัน) ที่ผู้เล่นสามารถวางได้หลังจากที่พวกเขาได้วางเดิมพันที่"Ante"ในรอบการเล่นนั้น ในการวางเดิมพันพิเศษนี้จะดูจากไพ่สองใบของผู้เล่นที่รับ(อัตราการจ่ายของโบนัสจะเป็นไปตามตาราง)และจะไม่มีผลต่อผู้เล่นหรือเจ้าในการเรียงไพ่ตามอันดับของโป๊กเกอร์ ผู้เล่นอาจจะเสียในเกมส์นั้น แต่หากชนะที่วางโบนัสยังคงจ่ายในอัตราของโบนัสปกติ

โปรเกรสซีฟ เดิมพันหรือตัวเลือกเดิมพัน(วางเดิมพัน) ซึ่งจะเปิดให้ผู้เล่นวางได้เมื่อเดิมพันที่ "Ante"ในรอบการเล่นนั้น การวางเดิมพันพิเศษนี้เล่นอย่างเคร่งครัดในการรวมไพ่ที่เป็นไปได้ของไพ่ที่ผู้เล่นถือและไพ่กองกลาง (อ้างอิงจากตารางการจ่ายโปรเกรสซีฟ) และไม่มีผลต่อมือผู้เล่นและเจ้าในการเปรียบเทียบมือpokerที่ดีที่สุด ผู้เล่นสามารถแพ้ในการเล่นเกมส์ปกติแต่ยังมีสิทธิ์ที่จะได้รับการจ่ายในการวางเดิมพันโปรเกรสซีฟ

ฟล็อบ ไพ่สามใบที่เปิดหน้าในครั้งเดียวกัน ซึ่งทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ในการสร้างมือที่ดีที่สุดของพวกเขา

ไพ่ที่ถือ(Hole cards) ไพ่ที่ถือ 2 ใบทั้งผู้เล่นและเจ้า

คิกเกอร์(kicker) ไพ่ที่ไม่ใช่คู่จะถูกนำมาตัดสินว่ามือไหนดีกว่าหากทั้งสองเสมอกัน ยกตัวอย่าง: ผู้เล่นมี A-K และ เจ้ามี A-Q ถ้าไพ่ในกองคือ 2-4-6-8-A (คนละดอก) ทั้งผู้เล่นและเจ้ามีคู่ เอท แต่ในมือผู้เล่นชนะด้วยไพ่ คิงส์ (K) “คิกเกอร์”

ริเวอร์(River) ไพ่ใบที่ห้าและไพ่ใบสุดท้ายที่ถูกแจกหงายหน้าขึ้นเพื่อทุกคนนำไปรวมกับไพ่ที่ถือ

เทิร์น(Turn) ไพ่ใบที่สี่ที่ถูกแจกหงายหน้าขึ้นเพื่อทุกคนนำไปรวมกับไพ่ที่ถือ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น